09:31 -
No comments


วิชาหน้าเสาธง กิจกรรมปลูกฝังศีลธรรมในโรงเรียน
ดร.ถาวร ชัยจักร
ผม
ทำงานกับเยาวชนมาตลอดชีวิต กว่า 40 ปี ทำหน้าที่ครูสอนนักเรียน
และเป็นผู้บริหารโรงเรียนระดับมัธยมศึกษา 8 แห่ง ใน 6 จังหวัด
การมีชีวิตเป็นครูทำให้ผมมีโอกาสสั่งสอนวิชาความรู้
และอบรมบ่มนิสัยให้ลูกศิษย์กว่า 30,000 คน
มีจำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เป็นคนดีของสังคม
เป็นกำลังสำคัญของชาติบ้านเมือง แต่ก็มีอีกหลายคนที่ประสบปัญหาชีวิต
และแวะเวียนมาขอคำปรึกษาไม่ได้ขาด
ผมเชื่อมั่นว่า
ผู้มีหัวใจเป็นครูทุกท่านย่อมทุ่มเทชีวิตจิตใจให้กับการทำหน้าที่ครูอย่าง
เต็มที่ ผมเองก็มั่นใจว่าตนเองเป็นหนึ่งในนั้น
แต่ทั้งที่คุณครูทุกคนก็พยายามอย่างสุดความสามารถ
หาหนทางทุกอย่างที่จะสอนลูกศิษย์ทุกคนให้เป็นคนดี
แต่ปัญหาของนักเรียนในโรงเรียนแต่ละรุ่นยังไม่หมดไป
โรงเรียน
ทุกแห่งที่ผมมีโอกาสเข้าไปเกี่ยวข้อง
ก็มีปัญหาที่เกิดขึ้นในสังคมขณะนี้ทุกโรงเรียน
นั่นคือปัญหาการใช้ความรุนแรง ทะเลาะวิวาท ยาเสพติด การพนัน
มีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร ตามมาด้วยปัญหาโรคเอดส์ ตั้งท้อง ทำแท้ง ฯลฯ
เยาวชนตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง
และอีกสารพัดปัญหาซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้นทั่วประเทศ
และลุกลามอยู่ทั่วโลก
เมื่อผมกลับมาทบทวนถึงรางวัลเกียรติยศที่ตนเองได้รับ
ไม่ว่าจะเป็นโล่เกียรติยศโรงเรียนจริยธรรมดีเด่น
เกียรติบัตรโรงเรียนผู้นำการใช้หลักสูตรดีเด่น
ใบประกาศเกียรติคุณผู้บริหารดีเด่น โรงเรียนรางวัลพระราชทาน ฯลฯ
และรางวัลอื่น ๆ อีกมากมายที่ผมได้รับมาจากหลายหน่วยงาน
ผมพบว่าแม้โล่เกียรติยศในตู้โชว์จะเพิ่มมากขึ้น
แต่ปัญหาความประพฤติของนักเรียนก็ไม่เคยลดลงไปเลย
ปัญหายังคงมีอยู่กับนักเรียรุ่นแล้วรุ่นเล่า ผู้ปกครองต่างก็โทษคุณครู
คุณครูก็โทษผู้ปกครอง
มันเหมือนกับว่าเราต่างโยนภาระรับผิดชอบไปมา และขาดความร่วมมือกันอย่างจริง
จังและยั่งยืน ลูกหลานของเราจึงยังประสบปัญหา
มีภัยจากสภาพสังคมที่ล้มเหลวและเลวร้ายมาตลอด
ปลายปี พ.ศ. 2544 ผมได้ย้ายจากโรงเรียนสามร้อยยอดวิทยาคม
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ มาเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนมัธยมฐานบินกำแพงแสน
จังหวัดนครปฐม ที่นี่เองที่ผมได้ค้นพบวิธีการที่ทำให้ผู้ปกครอง คุณครู
และนักเรียนได้มาหาแนวทางการแก้ปัญหาสังคมที่เกิดกับนักเรียนร่วมกัน
ไม่ใช่เป็นการแก้ไขลงไปเฉพาะครอบครัวของนักเรียนที่มีปัญหาเท่านั้น
แต่เป็นการร่วมมือกันอย่างพร้อมเพรียงจากคุณครูทุกคนในโรงเรียน
และผู้ปกครองทุกท่านที่มีบุตรหลานเรียนอยู่ที่นี่
โดยอาศัยนักเรียนทุกคนเป็นทูตผสานสัมพันธไมตรีจากคุณครูประจำชั้นไปถึงคุณ
พ่อคุณแม่ของตนเอง
วิธีการที่ผมใช้ก็คือให้ผู้ปกครอง คุณครู
และนักเรียนทุกคนมีความรู้ตรงกันในเรื่องคุณสมบัติของคนดี
จากการอ่านหนังสือ “ครอบครัวอบอุ่น”
แล้วเชิญผู้ปกครองมาทำแบบทดสอบวิธีการเลี้ยงลูกให้เป็นคนดี
เป็นการวัดผลว่าคุณพ่อคุณแม่มีความเข้าใจในเรื่องคนดีมากน้อยขนาดไหน
หลังจากผ่านการทดสอบแล้วทั้ง 3 ฝ่าย คือ คุณครู นักเรียน และผู้ปกครอง
ยังร่วมมือกันประเมินผลการเลี้ยงลูกต่อไปเป็นระยะ ๆ ครั้งละ 1 ห้องเรียน
โดยคุณพ่อคุณแม่และลูกรวมครอบครัวละ 3 คน ใน 1 ห้องเรียนประมาณ 120 คน
ได้เข้าร่วมประเมินติดตามผลการเรียน และความประพฤติของนักเรียน
ทุกปีการศึกษา มีการสอบคัดเลือกนักเรียนเข้าเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่
1 และระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 หลังจากนักเรียนผ่านการสอบคัดเลือกแล้ว
ยังมีการทดสอบผู้ปกครองในเรื่องการอบรมเลี้ยงดูลูก
เพื่อสนับสนุนการศึกษาเล่าเรียน ด้วยการศึกษาจากคู่มือ
“การเลี้ยงลูกอย่างไรให้เมืองไทยได้เยาวชนดี” หรือหนังสือ “ครอบครัวอบอุ่น”
ที่มอบให้ในวันสมัครเข้าเรียน
ด้วยวิธีการดังกล่าว ทำให้ผู้ปกครองร่วมมือกับโรงเรียน
ในการทำกิจกรรมปลูกฝังศีลธรรมอย่างเต็มที่และเต็มใจ
และยังมีอีกกิจกรรมหนึ่งที่ทำอย่างเข้มข้นทุกวัน คือ
กิจกรรมการปลูกฝังศีลธรรมที่หน้าเสาธง โดยใช้เวลาประมาณวันละ 30 นาที
ซึ่งกิจกรรมหน้าเสาธงนี้ทุกโรงเรียนต้องทำอยู่แล้ว คือ มีพิธีการหน้าเสาธง
เริ่มต้นขบวนเชิญธงไปผูกที่เสาธง แล้วชักธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาพร้อม ๆ
กับทุกคนร้องเพลงชาติจนจบ ต่อด้วยการสวดมนต์ไหว้พระ แสดงตนเป็นพุทธมามกะ
ทำสมาธิ แล้วจบลงด้วยการกล่าวคำปฏิญาณตนที่จะรักษาศีล 5
พิธีการนี้ใช้เวลาประมาณ 10 นาที
หลังจากนั้นผู้อำนวยการโรงเรียนจะให้โอวาทด้วยการเล่านิทานชาดก
และสรุปข้อคิดเป็นธรรมะ คุณครูประจำชั้นจะให้นักเรียนเขียนสรุปโอวาท
และนิทานพร้อมธรรมะเป็นเรียงความ
แล้วนำไปให้ผู้ปกครองได้อ่านหรืออ่านให้ผู้ปกครองฟัง
ใครเขียนดีก็จะมอบทุนการศึกษา 100 บาท, 500 บาท หรือ 1,000 บาท
ให้นักเรียนทุกคนที่เขียนเรียงความส่งคุณครู
มีการมอบทุนการศึกษาโดยการแจกรางวัลอย่างนี้ทุกวันที่หน้าเสาธง
นอกจากนี้แล้วยังกำหนดให้นักเรียนแต่ละห้อง แสดงละครประมาณ 15 นาที
ที่หน้าเสาธง
หรือบางครั้งก็ให้นักเรียนออกมาเล่านิทานชาดกสลับกับผู้อำนวยการโรงเรียน
ในแต่ละเดือนจะมีวันสำคัญทางชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
โรงเรียนก็จัดให้มีการทำบุญตักบาตรหน้าเสาธง
โดยคณะกรรมการนักเรียนพร้อมกับคุณครูร่วมกันจัดพิธี
และนิมนต์พระสงฆ์ทั้งอำเภอกำแพงแสนมาบิณฑบาตร ครั้งละไม่น้อยกว่า 100 รูป
แต่ละปีจะมีพิธีตักบาตรหน้าเสาธงปีละ 9-10 ครั้ง ผ่านมาเป็นระยะเวลา 8 ปี
รวม 69 ครั้ง มีพระสงฆ์มาบิณฑบาตรวมแล้วมากกว่า 10,000 รูป
กิจกรรมเหล่านี้คือวงจรของ บ้าน-วัด-โรงเรียน ที่ได้เกิดขึ้นแล้ว
การดำเนินกิจกรรมเช่นนี้เป็นความพยายามที่จะปลูกฝังคุณธรรมให้แก่นักเรียน
อย่างครบวงจร
ซึ่งผลที่ผมคาดหวังก็คือการได้เห็นความประพฤติของนักเรียนดีขึ้น
คุณพ่อคุณแม่ที่นำบุตรหลานของตนมาฝากเข้าเรียนก็เกิดความสบายใจ
และคุ้นเคยกับครู อาจารย์ ส่วนนักเรียนก็คุ้นเคยกับคุณครู
กล้าที่จะพูดคุยกับคุณครูมากขึ้น เต็มใจที่จะทำกิจกรรมร่วมกันมากยิ่งขึ้น
ผู้ปกครองกับผู้ปกครองด้วยกันเอง แม้จะมีฐานะทางสังคมต่างกัน
ก็กลายมาเป็นเพื่อนที่พร้อมจะปรึกษาหารือร่วมกันได้
เพื่อที่จะดูแลบุตรหลานของตนเองให้ดีที่สุด
และเมื่องานและกิจกรรมออกมาครบวงจร
ก็จะเกิดผลของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในชุมชนไปเป็นลูกโซ่
รวมถึงการแก้ไขปัญหาสิ่งเสพติดในชุมชน ปัญหาเรื่องชู้สาว
ปัญหาการทะเลาะวิวาท และอีกสารพัดปัญหาของเยาวชนก็ลดลงได้เอง
โดยไม่ต้องโฆษณารณรงค์เป็นพิเศษเฉพาะปัญหานั้น ๆ อย่างที่ทำกันอยู่
ผมคิดว่าในแง่ของงบประมาณแล้ว กิจกรรมอย่างนี้คุ้มค่ามาก
เพราะทำแล้วแก้ไขปัญหาครอบคลุมทั้งวงจร ทั้งประหยัดและได้ผลดี
ทุกคนที่ร่วมกิจกรรมมีความพึงพอใจ เป็นการเพิ่มความเข้มแข็งให้ชุมชน
ทำให้การจัดการศึกษาเข้มแข็ง และมีคุณภาพมากขึ้น
หลังจากทำโครงการดังกล่าวติดต่อกันในระยะเวลา 3 ปี
ผมได้พบผลลัพธ์ที่ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงต่อชีวิตของนักเรียน ผู้ปกครอง
คุณครู และประชาชนในชุมชนอย่างน่าพอใจ รวมทั้งเป็นก้าวย่างที่สำคัญ
ที่ทำให้ผมได้รับโอกาสเข้าไปมีบทบาทในการแก้ไขปัญหาด้านการศึกษา
ปัญหาเยาวชน และปัญหาสังคมระดับชาติ อาทิ
รับตำแหน่งที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการศึกษา ศาสนา ศิลปวัฒนธรรม วุฒิสภา ปี
พ.ศ. 2545 - 2549 และรับตำแหน่งเลขานุการอนุกรรมาธิการพระพุทธศาสนา วุฒิสภา
ปี พ.ศ. 2550 - 2552 ซึ่งผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า
ผลของการดำเนินโครงการนี้จะเป็นคำตอบที่สังคมต้องการในเวลานี้
ผมขอสรุปผลที่เกิดขึ้นดังนี้ ซึ่งบัดนี้ผมได้เกษียณอายุราชการแล้ว
วัดพระธรรมกาย และกระทรวงศึกษาธิการ
ยังเปิดโอกาสให้ผมได้นำเสนอกิจกรรมการปลูกฝังศีลธรรมหน้าเสาธงให้กับผู้
บริหาร ครู พระภิกษุ และโรงเรียนดีศรีตำบลทั่วประเทศ 6,545 โรงเรียน
ดังจะได้นำเสนอต่อไป และขออนุโมทนาบุญกับทุกท่าน
ที่เห็นความสำคัญในการปลูกฝังศีลธรรมให้กับนักเรียน ซึ่งเป็นอนาคตของชาติ
และเป็นการสร้างคุณภาพ คุณธรรมให้เกิดขึ้นกับคนในชาติ
โดยทุกท่านก็ได้รับบุญกุศลมากมายอย่างสุดที่จะประมาณได้
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น