วันพุธที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

08:49 - No comments

แก้ปัญหา นักเรียนไม่ร่วมกิจกรรมหน้าเสาธง






        ทุกสถานศึกษาในประเทศไทย  ตั้งแต่ระดับอนุบาล  ประถม  มัธยมและระดับอุดมศึกษา  ยกเว้นที่สูงไปกว่านั้น  จะมีกิจกรรมที่สำคัญ ก่อนการเริ่มเรียนในแต่ละวัน คือ  การร่วมกิจกรรมเข้าแถวหน้าเสาธงในตอนเช้าก่อนเข้าเรียน  เพราะนอกจากจะเป็นระเบียบของกระทรวงศึกษาธิการแล้ว  ยังเป็นการเตรียมความพร้อมของคุณครู ตลอดจนนักเรียน  นักศึกษา
                กิจกรรมหน้าเสาธงที่สำคัญคือ  กิจกรรมที่เกี่ยวกับชาติ  ศาสนาและพระมหากษัตริย์    ในส่วนหน่วยงานของราชการ  จะมีเสาธงและธงไตรรงค์ที่หน้าสำนักงาน  การชักธงชาติขึ้นสู่ยอดเสาทุกเช้า  เวลา  8.00  น.  และชักธงลงจากยอดเสา  เวลา  18.00  น.  สำนักงานราชการทั่วประเทศ จะอาศัย เพลงชาติจากสถานีวิทยุกระจายเสียงจากกรมประชาสัมพันธ์กรุงเทพมหานคร  เพื่อทำกิจกรรมดังกล่าว เป็นปกติทุกวัน  ไม่เว้นวันหยุดราชการ  บางหน่วยงานเช่น  ตำรวจและทหารจะจัดบุคคลเข้าแถวเพื่อเคารพธงชาติ  จำนวนมากหรือน้อยตามสมควร  บางหน่วยงานอาจไม่สะดวก  จึงมอบหน้าที่ให้กับยามรักษาการณ์  หรือเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบแต่ละวันเตรียมชักธงชาติขึ้นและลง    กิจกรรมดังกล่าวขาดไม่ได้  ถือเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบอย่างสูง  หัวหน้าส่วนราชการแต่ละหน่วยงาน จะออกคำสั่งแต่งตั้งบุคคลากรเป็นรายเดือนในกิจกรรมดังกล่าว 


            สถานศึกษาทุกแห่ง จะทำกิจกรรมดอย่างมีระบบและมีระเบียบ  ตามแนวปฏิบัติของสถานศึกษานั้นๆ  เนื่องจากระบบการเรียนการสอนที่แตกต่างกัน  เช่น  บางสถานศึกษาอาจกำหนด  กิจกรรมเฉพาะร้องเพลงชาติ  นำสวดมนต์  แจ้งข่าวสารให้กับนักเรียนนักศึกษาทราบแต่ละวัน  เมื่อเสร็จภารกิจ  นักเรียน  นักศึกษาแยกเข้าห้องเรียน  ถ้าเป็นสถานศึกษาอนุบาลหรือประถมศึกษาจะมีห้องเรียนประจำ  มีครูประจำชั้นรับผิดชอบในการสอนแทบทุกวิชา  ยกเว้นการเรียนวิชาลูกเสือ  การร้องรำทำเพลง  นาฎศิลป์  ซึ่งมีครูประจำวิชา 
   ในสถานศึกษาระดับมัธยมและระดับอุดมศึกษา  ห้องเรียนในแต่ละวันตลอดสัปดาห์จะอยู่คนละห้อง  ลักษณะการเรียนเป็นแบบเดินเรียน ครูผู้สอนอยู่ประจำห้อง นักเรียนต้องเดินไปเรียน

                  กิจกรรมบางสถานศึกษา  จะเพิ่มส่วนอื่นๆ  อีก  นอกจากจะมีการร้องเพลงชาติ  นำสวดมนต์  ส่วนเพิ่มยังมีการ สมาทานศีล  การแผ่เมตตา  การเช็ครายชื่อนักเรียน  นักศึกษาที่มาร่วมกิจกรรม  การแจ้งข่าวสารและอบรมในสิ่งที่เป็นประโยชน์   กิจกรรมสุดท้ายคือ  ร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี  เป็นการเสร็จสิ้นกิจกรรมตอนเช้าของทุกวันก่อนเข้าห้องเรียน  สมาชิกได้ปฏิบัติทั้งกิจกรรม  ชาติ  ศาสนา  และพระมหากษัตริย์
            วิทยาลัยเทคนิคและสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา  จัดการเรียนการสอนตลอดทั้งวัน การจัดการเรียน เริ่มเรียนและเลิกเรียนไม่เท่ากัน  ทั้งนี้ต้องนับเวลาทำงานของราชการให้ครบตามระเบียบ หลังจากนั้นเป็นเวลาสอนภาคนอกเวลา
            การเข้าแถวหน้าเสาธงก็ต้องจัดเพื่อให้นักเรียน  นักศึกษา  ได้รับประโยชน์จากการแจ้งข่าวในภาคเช้า  คุณครูที่ได้รับผิดชอบกิจกรรมแต่ละวัน จะร่วมให้กำลังใจลูกศิษย์โดยเข้าร่วมกิจกรรมโดยพร้อมเพรียงกัน 
            สถานศึกษาที่มีระดับสูงกว่า  มีจำนวนผู้เรียนเป็นจำนวนมาก  พื้นที่ของสถานศึกษามีจำนวนหลายพันไร่  อาคารเรียนและอาคารฝึกงานของแต่ละคณะอยู่ไกลกัน  ระบบการเรียนจะเรียนกันทั้งวัน  แล้วแต่กลุ่ม กิจกรรมการเข้าแถวหน้าเสาธงจึงไม่มี หรืออาจจะมีก็ทำที่บริเวณพื้นที่หน้าคณะของตนเอง  หรือยื่นตรงที่ใดก็ได้ เมื่อได้ยินเสียงเพลงชาติดังขึ้น หลังจากนั้นภารกิจของการทำงานในแต่ละวันก็เริ่มขึ้น
            วิทยาลัย เทคนิคร้อยเอ็ด สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา นอกจากหลักสูตรที่สอนทางด้านวิชาการแล้ว ยังมีกิจกรรมหลัก ๆ ที่เพิ่มพูนด้านคุณธรรมจริยธรรม และคุณลักษณะอันพึงประสงค์ให้กับนักเรียนนักศึกษา นั่นคือนักเรียนนักศึกษาจะต้องทำกิจกรรม จำนวน 3 กิจกรรมคือ กิจกรรมหน้าเสาธง กิจกรรมชมรมของแผนกวิชาช่างต่าง ๆ ซึ่งใช้เวลา 2 ชั่วโมงทุกวันพุธ ระหว่างเวลา 10.00 น.- 12.00 น. ทั้ง 2 กิจกรรมกำหนดไว้ว่า นักเรียนต้องมีเวลาร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่ากิจกรรมละ ร้อยละ 80 ของเวลาทั้งหมด นั่นคือถ้ามีเวลารวมกิจกรรมละ 100 ครั้ง นักเรียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมนั้นไม่น้อยกว่า 80 ครั้งจึงจะถือว่าผ่านกิจกรรม  ในช่วงเวลาดังกล่าวนักเรียนนักศึกษาจะต้องทำกิจกรรมที่หน้าเสาธงตอนเช้าและที่แผนกวิชาช่างของตนเอง 
                  ส่วนกิจกรรมสุดท้ายคือ กิจกรรมกลาง ในส่วนของกิจกรรมกลางจะเป็นกิจกรรมที่ให้ความร่วมมือกับจังหวัด เทศบาล หน่วยงานราชการ วัดวาอารามและชุมชน  เช่นการร่วมราชพิธีอันสำคัญ ประเพณีและวัฒนธรรมที่ดีงามต่าง ๆ ที่ต้องนำนักเรียนนักศึกษาและบุคลากรทุกฝ่ายเข้าร่วมกิจกรรม    เป็นหน้าที่หลักของหัวหน้างานกิจกรรม ซึ่งกิจกรรมทั้ง 3 นักเรียนนักศึกษาจะต้องผ่านทั้งหมด ไม่มีเกรดที่เป็นตัวเลข แต่ผลของกิจกรรมจะเป็นตัวอักษรคือ ผ่าน หรือไม่ผ่าน
            กิจกรรม ทั้ง 3 จะมีผลให้นักเรียนนักศึกษาสำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ดังนั้นนักเรียนนักศึกษาคนใดที่ไม่ผ่านกิจกรรมใดที่กล่าว จะต้องขออนุญาตซ่อมเสริมกิจกรรมนั้น ๆ ทั้งนี้จะต้องได้รับการเห็นชอบจากครูที่ปรึกษาหรือที่เรียกว่าครูประจำชั้น นั่นเอง  มีนักเรียนนักศึกษาหลายคน ที่มีผลการเรียนในระดับเกรด 3 หรือเกรด 4 แต่ผลของกิจกรรมไม่ผ่าน นักเรียนนักศึกษาคนนั้นก็ยังไม่สำเร็จการศึกษาตามหลักสูตร ต้องมาพิจารณาว่าตนเองไม่ผ่านกิจกรรมอะไรบ้าง ก็ต้องมาทำเรื่องขออนุญาตซ่อมกิจกรรมนั้น ๆ
            เรื่องของกิจกรรมนี้แหละ ที่ครูที่ปรึกษาหรือครูประจำชั้นต้องคอยแนะนำและช่วยเหลือนักเรียนนักศึกษาที่อยู่ในความดูแลอย่างใกล้ชิด  การ ที่นักเรียนนักศึกษาสำเร็จการศึกษานั้น ย่อมเป็นผลงานที่ภาคภูมิใจของครูที่ปรึกษาอย่างแน่นอน เพราะนั่นคือผลสัมฤทธิ์ของการทำงานของครู หมายความว่าครูที่ปรึกษาได้ดูแลนักเรียนนักศึกษานั้น ๆ ส่งจนถึงฝั่งเรียบร้อยแล้ว จากนั้นครูก็จะต้องหันหลังกลับไปรับนักเรียนกลุ่มใหม่ในภารกิจเดิม
            นัก เรียนนักศึกษาจำนวน 3,000 กว่าคนในสถานศึกษา สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนในระดับมัธยม และมาจากพ่อแม่ที่หลากหลาย ต่างจิตต่างใจ เมื่อมาอยู่ที่วิทยาลัยเทคนิคร้อยเอ็ด ในต่างสาขาวิชาที่ตนเองชอบเรียน ดังนั้นนักเรียนนักศึกษาดังกล่าว ก็จะมีทั้งที่ดีเยี่ยม ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรุงและไม่ดี  เหล่า นี้แหละที่วิทยาลัยเทคนิคร้อยเอ็ด ต้องนำนักเรียนนักศึกษาใหม่ ในแต่ละปีการศึกษามาปฐมนิเทศ เพื่อละลายพฤติกรรมและหลอมรวมจิตใจให้เป็นหนึ่งเดียว
            หน้าที่ ของครู นอกจากจะเป็นครูเพื่อสอนทางด้านวิชาการ ยังต้องดูแลนักเรียนที่อยู่ในที่ปรึกษา ประคับประคองให้รอดลูกศิษย์ ให้ฝ่าฟันอุปสรรค์ใด ๆ ที่เกิดขึ้นกับนักเรียนนักศึกษาตลอดระยะเวลา 2 ปี หรือ 3 ปี ที่ใช้ชีวิตการเรียนที่สถานศึกษา  อะไร ที่ช่วยเหลือลูกศิษย์ได้ก็จะทำโดยทันที ในขณะเดียวกัน ตัวของนักเรียนนักศึกษาเองก็ต้องช่วยเหลือตนเองให้มาก ครูที่ปรึกษาเป็นเพียงผู้ให้ความช่วยเหลือ ให้กำลังใจและดูแลลูกศิษย์อย่างใกล้ชิดเท่านั้น
            ผู้ เขียนเป็นครูที่สอนในแผนกวิชาช่างก่อสร้าง ในวิชาเขียนแบบก่อสร้างและวิชาช่างก่อสร้าง นอกจากนั้นยังเป็นครูที่ปรึกษานักเรียน ปวช. ปีที่ 3 กลุ่มที่ 1-2  มีนักเรียนในที่ปรึกษา 36 คน  เมื่อ ดูเป็นภาพรวม ถือว่านักเรียนกลุ่มนี้เป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนค่อนข้างอยู่ในระดับสูง และสำเร็จการศึกษาอย่างแน่นอน มีนักเรียนไม่กี่คนที่ขาดการร่วมกิจกรรมหน้าเสาธง ซึ่งจะส่งผลให้ไม่สำเร็จการศึกษา หน้าที่ของผู้เขียนในฐานะครูที่ปรึกษาคือ เรียกนักเรียนที่มีปัญหาดังกล่าวมาสอบถามและหาทางช่วยเหลือ การช่วยเหลือนักเรียนในที่ปรึกษา ครูที่ปรึกษาแต่ละคน จะมีวิธีการที่แตกต่างกัน
            วิธี การของผู้เขียน ในการแก้ปัญหาการไม่เข้าร่วมกิจกรรมหน้าเสาธงของนักเรียน เป็นหนึ่งในหลายวิธีที่ผู้เขียนออกแบบในการแก้ปัญหาหลาย ๆ เรื่องเกี่ยวกับนักเรียน  เพื่อนำสู่การปฏิบัติ ผู้เขียนขอนำวิธีการแก้ปัญหานักเรียนไม่ร่วมกิจกรรมหน้าเสาธง ที่ได้ดำเนินการในภาคเรียนที่ 2  ปีการศึกษา 2550 ที่ผ่านมาและได้ผลดีมาแล้ว มาเผยแพร่เพื่อเป็นตัวอย่าง ที่ครูสามารถนำไปปรับใช้ในงานของตนเองได้  ผู้เขียนขอนำเสนอเป็นลำดับดังต่อไปนี้
            1. นำผลของการสำรวจกิจกรรมหน้าเสาธง ที่งานกิจกรรมฝ่ายพัฒนาการศึกษาดำเนินการแต่ละเดือนมาดูว่า นักเรียนในที่ปรึกษาไม่ผ่านกิจกรรมกี่คน นั่นคือในหนึ่งสัปดาห์จะมีเวลาที่นักเรียนต้องเข้าร่วมกิจกรรมในตอนเช้า 16 ครั้ง นักเรียนต้องมาร่วมกิจกรรมไม่น้อยกว่า 12 ครั้ง
            2. ล่วงเลยประมาณ 2 เดือน ครูจะนำผลของการร่วมกิจกรรมของนักเรียนมาวิเคราะห์ว่า นักเรียนคนใดที่มีพฤติกรรมการขาดการร่วมกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง จะเรียกนักเรียนคนนั้นมาพูดคุยด้วย หาปัญหาที่เกิดขึ้นกับนักเรียนว่าทำไมจึงไม่มาร่วมกิจกรรม
            3. หลังจากนั้นครูจะแก้ปัญหาตามที่ออกแบบไว้ดังตัวอย่าง

รูปแบบแนวทางแก้ปัญหา การขาดการร่วมกิจกรรมหน้าเสาธง
นักเรียน ปวช.ปีที่ 3 กลุ่มที่ 1-2 แผนกวิชาช่างก่อสร้าง
1. ตรวจสอบเอกสารทะเบียน และถ่ายเอกสาร ทะเบียนประเมินผลกิจกรรมหน้าเสาธง นำแจ้งให้นักเรียนทราบทุกวันพุธ ช่วงเวลากิจกรรม นักเรียนพบครูที่ปรึกษา ครูแจ้งและอบรมตักเตือนนักเรียนที่ขาดความสำนึกในหน้าที่ พร้อมทั้งให้เซ็นชื่อรับทราบทุกคน เพื่อให้มาเข้าร่วมกิจกรรมตามปกติ
2. เรียกนักเรียนที่มีปัญหาเข้าพบเป็นรายบุคคล เพื่อสอบถามปัญหา โดยจะบันทึกใว้เป็นหลักฐานในการร่วมแก้ปัญหาของตนเอง
3. ครูที่ปรึกษาจะสอบถามนักเรียนว่ามีปัญหาอะไร ที่เป็นเหตุให้ไม่สามารถมาร่วมกิจกรรมหน้าเสาธงได้ จัดลำดับปัญหาเป็นข้อ ๆ
4. การแก้ปัญหาจะทำเป็นช่องตาราง เพื่อแยก ปัญหาอย่างชัดเจน จากนั้นจะถามนักเรียนว่าเมื่อมีปัญหาอย่างนั้น ตนเองจะแก้อย่างไร ซึ่งนักเรียนแต่ละคนจะคิดและแก้ปัญหาที่คาดว่าตนเองจะทำได้ ครูบันทึกไว้เป็นหลักฐาน
5. ครูให้คำแนะนำเพิ่มเติม ต่อจากช่องที่นักเรียนหาวิธีแก้ปัญหาของตนเอง เพื่อเป็นการให้กำลังใจ
6. สรุปแนวปฏิบัติและให้นักเรียนเซ็นชื่อรับทราบ สิ่งที่ตนเองต้องปฏิบัติ
7. เอกสารแผ่นดังกล่าว ครูที่ปรึกษาจะมอบ ให้นักเรียนนำไปให้คุณพ่อหรือคุณแม่เซ็นชื่อรับทราบ จากนั้นนักเรียนต้องนำเอกสารนั้นกลับมาคืนให้ครูอีกครั้ง ครูถ่ายเอกสารและมอบให้นักเรียนนำกลับไปให้ผู้ปกครอง 1 แผ่น เพื่อทราบและช่วยอบรมและตักเตือนบุตรหลานของตนเอง
         8. ครูที่ปรึกษาจะติดตามการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม การมาร่วมกิจกรรม  หน้าเสาธงของนักเรียนดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง
9. ครูที่ปรึกษาขออนุญาตวิทยาลัย เพื่อเดินทางไปที่บ้านของนักเรียน เยี่ยมเยือนผู้ปกครองรายงานพฤติกรรมและร่วมแก้ปัญหา
10. สรุปผลการแก้ปัญหาและรายงานผลต่อผู้บังคับบัญชาเพื่อทราบ

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น